วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

เปิดโฉม 'อีเกรนส์' นวัตกรรมคอมพิวเตอร์จิ๋วแห่งอนาคต








เปิดโฉม 'อีเกรนส์' นวัตกรรมคอมพิวเตอร์จิ๋วแห่งอนาคต

ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีไอที นอกจากมุ่งปรับเพิ่มสรรถนะการใช้งานแล้ว สิ่งที่ปรับควบคู่กันไปได้แก่ ขนาดผลิตภัณฑ์ที่ถูกลดให้เล็กลงเท่าที่จะเล็กได้ ดังเช่น คอมพิวเตอร์ที่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะถูกปรับย่อเล็กลงเหลือเพียงเม็ดทราย ทั้งยังอาจไม่ต้องรอการสั่งการจากมนุษย์อีกต่อไป ด้วยความสามารถของหน่วยประมวลผลขนาดจิ๋วที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันแบบไร้สาย เกิดเป็นเครือข่ายแบบล่องหนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งข้อมูลไปมาระหว่างกัน


แนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป เพราะปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของสถาบันวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ที่ชื่อเฟราน์โฮเฟอร์ในเยอรมนี ภายใต้การดำเนินงานของศาสตราจารย์ แฮร์เบิร์ต ไรช์ ร่วมกับทีมวิศวกรคอมพิวเตอร์มุ่งพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กเพียงเม็ดทราย หรือที่เรียกว่า อีเกรนส์ (eGrains) จากปัจจุบันที่มีการพัฒนาให้เล็กเพียง 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือเท่ากับน้ำตาลก้อนและมีเป้าหมายภายใน 2-3 ปีข้างหน้าที่จะพัฒนาไมโครคอมพิวเตอร์ให้เล็กเหลือเพียงหัวไม้ขีดไฟให้ได้


โดยนายเยอเก้น โวล์ฟ วิศวกรประจำสถาบันเปิดเผยถึงเป้าหมายในการพัฒนาคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วว่า ต้องการสร้างเครือข่ายตัวตรวจรับสัญญาณ หรือเซ็นเซอร์ที่ประกอบขึ้นจากระบบคอมพิวเตอร์กลุ่มย่อยขนาดเล็ก โดยให้แต่ละเครือข่ายประกอบด้วยเซ็นเซอร์ที่มีหน่วยประมวลผลและพลังงานรวมถึงความสามารถในการสื่อสารของตนเอง


สิ่งที่ต่างจากตัวรับสัญญาณไร้สายในปัจจุบัน คือ ความอัจฉริยะที่ไม่ต้องรอคำสั่งจากเครื่องอ่านก่อนที่จะตอบสนองการทำงานออกไป แต่สามารถบริหารจัดการระบบงานต่างๆ บนเครือข่ายและส่งข้อมูลการทำงานออกไปได้อัตโนมัติ


สำหรับความท้าทายประการสำคัญนอกเหนือจากการพัฒนาความสามารถของเครือข่ายประมวลผลดังกล่าว ยังอยู่ที่การเชื่อมต่อส่วนประกอบต่างๆ ลงบนพื้นที่ที่จำกัด ด้วยวิธีการจัดเรียงส่วนประกอบต่างๆ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ โดยที่ด้านชิปแผงวงจรจะคว่ำหน้าลงประกบกับจุดบัดกรีเล็กๆ เรียงไปเป็นชั้นๆ


ส่วนประโยชน์ที่ได้จากการพัฒนาอีเกรนส์สามารถนำไปใช้ได้ในหลายสาขาอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มผลในการผลิตขณะที่ใช้ต้นทุนต่ำ ดังตัวอย่างของบริษัทอีซิส ผู้พัฒนาด้านระบบข้อมูลดิจิตอล เตรียมที่จะนำระบบเซ็นเซอร์ขนาดเล็กนี้ไปใช้กับระบบงานด้านการขนส่งและคมนาคม เพื่อติดตั้งไว้กับรถบรรทุกสินค้าที่สามารถบันทึกอุณหภูมิควบคุมอาหารที่เก็บแช่แช็งอยู่ในความเย็นที่เหมาะสมที่บรรทุกมากับเครื่อง ซึ่งข้อมูลที่บันทึกไว้จะถูกเก็บรวบรวมผ่านทางเครือข่ายที่สามารถบริหารจัดการแบบอ

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น